Tuesday, August 07, 2012

[บทความเขียนถึงหนังสือ] Women's Health - July 2012


[บทความเขียนถึงหนังสือ]



Women's Health Thailand
คอลัมน์ Reading Lists
Issue: July 2012





Happy Pills อัดเต็มความสุขด้วยตัวหนังสือว๊านหวานเหล่านี้
                ความหวานเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหนึ่งของผู้หญิง แม้บางคนจะเอ่ยปากว่ามีปริมาณความหวานในตัวเองต่ำก็ตามที แต่ผู้หญิงทุกคนมีสิ่งนี้ แล้วเราก็ภูมิใจกับความหวานแบบหญิ๊งหญิงที่สร้างสีสันให้กับโลกมาก รสหวานที่กลมกล่อมทำให้หัวใจอัดเต็มด้วยความสุข ไม่ว่าจะเป็นความหวานที่มาในแบบไหนก็ตาม จะมาเป็นหน้ากระดาษหนังสือหวานๆ ก็ได้ ... ก็ทำให้สุขมากพอกัน ^^






แต่งงานกันเถอะ!           
ผู้เขียน : จอย สุนันท์ษา / สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ How To
หนังสือที่โคตรจะ ผู้หญิง และเล่าเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่โคตรจะสนใจ (อย่าปฏิเสธเลยค่ะ) อย่าง การแต่งงาน พิธีกรรมแห่งความรักที่หลายคนเชื่อว่า แพงมหาโหด แต่ผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อมูลและผนวกรวมกับประสบการณ์จริง จนทำให้ค้นพบเรื่องราวน่าสนใจมากมาย นี่คือคู่มือจัดงานแต่งงานที่ทำให้ทุกฝันของบ่าว-สาวเป็นจริงได้ แม้คุณจะมีเงินเพียง 20,000 บาท หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกและเป็นกันเอง ทำตัวประหนึ่งเพื่อนสนิทรู้ใจที่คอยช่วยคลี่คลายคำตอบให้คุณ ตั้งแต่ช่วงก่อนตัดสินใจแต่งงาน ช่วงวันแต่งงาน รวมถึงวิธีจัดงานแต่งงานเชิงสร้างสรรค์ ไม่ฟุ้งเฟ้อ เน้นความพอดีในสิ่งที่มีอยู่ และช่วงสุดท้ายที่สำคัญคือ การครองคู่หลังแต่งงาน...อ่านจบแล้วคุณอาจอยากหันไปพูดหวานๆ กับคนข้างกายว่า แต่งงานกันเถอะ เชียวล่ะ





โตเกียว ตัวคนเดียว
ผู้เขียน: ปาลิดา พิมพะกร /สำนักพิมพ์: ไต้ฝุ่น
                หนังสือปกสวยหวานที่เล่าเรื่องการใช้ชีวิตต่างแดนโดยลำพังของผู้หญิงคนหนึ่ง การต้องเรียนร่วมกับเพื่อนต่างชาติต่างภาษา ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของผู้เขียน ความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อกลับมาทำงานแปล รวมถึงความขยันเที่ยว ขยันกิน และขยันเดินทางอย่างประหยัด ทำให้ประสบการณ์หนึ่งปีในญี่ปุ่นของเธอคับคั่งไปด้วยรายละเอียดใหม่ๆ แถมมุมมองที่ปาลิดา ผู้เขียนมองโลก ยังทำให้เรารู้สึกถึงความละมุนละไม จนส่งผลให้ เมืองโตเกียวที่เธอเล่าถึง ดูน่าคบหาและน่าแพ็กกระเป๋าไปทำความรู้จักมากขึ้นกว่าเดิมเยอะทีเดียว





Shopaholic Therapy บำบัดช้อป...ให้เหลือใช้ (จะได้รวยกับเขาสักที)
ผู้เขียน: จรินพร ตันติกิจศิริวงศ์ /บรรณาธิการ:  เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา / สำนักพิม์: บิสซี่เดย์
                 หนังสือเล่มนี้ออกแนวหวานปนเปรี้ยว แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าดีๆ นี่คือคู่มือที่จะมาตอบโจทย์คุณว่า งานดี... เงินดี แต่ทำไมไม่เคยมีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ ...เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา? ผู้เขียนนำเสนอแนวทางบำบัดช้อปสำหรับสาวยุคใหม่ ที่อาจขาดวินัยทางการเงินขั้นวิกฤต หนังสือเล่มนี้จะช่วยปฏิวัติการใช้เงินของคุณและทำให้คุณวางแผนการเงินอย่างฉลาดเฉลียว ด้วยแนวทางที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก ... แต่อย่ามัวอ่านเพลิน ลุกมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมช้อปเพื่อให้ชีวิตมีเงินเหลือเก็บดีกว่า
                สาวนักช้อป ไม่ควรพลาด!






Little Pink Book Of Elegance: The Modern Girl's Guide to Living in Style
ผู้เขียน: Jodi Kahn / สำนักพิมพ์: Peter Pauper Press
                ‘ความงามสง่าดูจะเป็นจุดหมายที่หญิงสาวหลายคนเฝ้าไขว่คว้า เราไม่ได้จะยุยงให้คุณหมกมุ่น อาการงามสง่าขนาดนั้น ขณะเดียวกัน เราก็ไม่อยากให้คุณคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลจากชีวิตผู้หญิงธรรมดาอย่างคุณ ผู้หญิงคนไหนก็งามสง่าได้หากเพียงแค่รู้เคล็ดลับ และหนังสือปกชมพูหวานสวยเล่มนี้ก็ได้เผยเคล็ดลับทำได้จริงให้หญิงสาวยุคใหม่ได้รู้ ตั้งแต่เรื่องนอกกายอย่างการแต่งตัวและเครื่องประดับ ทั้งเรื่อง 10 ไอเท็มที่ผู้หญิงทุกคนควรมีติดตู้เสื้อผ้า ยันเรื่องสถิติเกี่ยวกับชุดชั้นในผู้หญิงที่ทำเอาขำกลิ้ง นอกจากนี้ Jodi Kahn คนเขียนยังพาเราไปรู้จักทิปน่าสนใจเกี่ยวกับการไปสปา การแต่งบ้าน การจัดเก็บของให้เข้าที่ การผ่อนคลายอย่างมีรสนิยม การเขียนบันทึก ไปจนถึงเรื่องความงามจากภายใน
                อ่านสนุก และมีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ น่าสนใจเต็มไปหมด แถมมีเวอร์ชั่น Kindle จำหน่ายด้วย ... อยากประหยัดงบอย่างงามสง่า จงเลือกแบบหลัง ^^

[บทความสัมภาษณ์] พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - A man with brain

[บทความสัมภาษณ์]





Men's Health Thailand
คอลัมน์ MH Guy
Issue: July 2009
เรื่องโดย เจดีย์ (a.k.a. Tiktok)



พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
A man with brain

ถ้าคุณติดตามรายการโทรทัศน์ และนิตยสารต่างๆ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คุณน่าจะคุ้นหน้าและชื่อของชายหนุ่มอายุ 28 ปีคนนี้มาบ้าง โดยตัวตนแง่มุมหนึ่งของ ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่นิตยสารหลายๆ เล่ม รวมถึงบทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์นำเสนอนั้น มักสะท้อนภาพให้เราเห็นว่าหนุ่มคนนี้คือผู้ชายฉลาดที่มาพร้อมกับสมอง แน่นอนทีเดียวล่ะ ถ้าพิจารณาดูจากสถานภาพในปัจจุบันของเขา ที่กำลังศึกษาปริญญาโทถึงสองใบพร้อมกันอยู่ที่ Harvard University และ Massachusetts Institute of Technology (M.I.T.)  สหรัฐอเมริกา พร้อมกับดูแลกิจการบริษัทด้านการเกษตร 2 บริษัทที่มียอดขายมูลค่าพันล้านบาทต่อปี เราย่อมบรรยายถึงหนุ่มคนนี้ด้วยคำคุณศัพท์ใดไม่ได้ใจความเท่า ฉลาด เป็นแน่ ทว่า หลังจาก Men’s Health ได้ใช้เวลาพูดคุยกับเขาในบ่ายวันหนึ่ง เราพบว่า นอกจากฉลาดแล้ว หนุ่มบนปกของเราคนนี้ยังเป็นมนุษย์ที่แข็งแรงอีกด้วย ทั้งนี้คำว่า แข็งแรง ในความหมายที่ Men’s Health กำลังพูดถึงนี้ เราหมายความว่า เขามีร่างกายที่สมบูรณ์ดีเพราะออกกำลังกาย, มีความคิดและเป้าหมายชีวิตที่เข้มแข็งว่าอยากนำความรู้มาพัฒนาประเทศ, พร้อมๆ กับมีหัวใจแข็งแกร่งแต่อ่อนโยน ที่อยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแก่ผู้คนบนโลก

นั่นเป็นที่มาที่เราตั้งชื่อบทสัมภาษณ์นี้สั้นๆ ว่า A man with brain

แต่แท้จริงแล้ว มันมาจากชื่อที่ยาวกว่านั้นว่า A man with brain, a man with health, and a man with heart ต่างหากล่ะครับ







Brain & Smart Part

ช่วงที่ Men’s Health ได้คุยกับหนุ่มทิมคนนี้ เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของมหาวิทยาลัยที่อเมริกา โดยตอนนี้เขาเรียนปริญญาโทควบ 2 ใบ ใบหนึ่งด้านการเมืองการปกครอง สาขาสภาวะผู้นำ ที่ John F. Kennedy School of Government Harvard University และปริญญาโทอีกใบด้านบริหารธุรกิจที่ Sloan, M.I.T ซึ่งสำหรับคนที่เรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ การเงินการธนาคาร ภาคภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างเขา เราไม่สงสัยว่าทำไมเขาเลือกเรียนต่อ MBA ที่ M.I.T อยู่แล้ว ทว่าเพราะอะไรทำให้เขาสนใจเรียนการเมืองที่ Harvard กันล่ะ?

หลังเรียนจบปริญญาตรี ผมได้เข้าทำงานภาคเอกชน 4 ปี จากนั้นก็ไปเกี่ยวข้องกับภาครัฐอีก 1 ปี แล้วสนใจอยากเรียนการเมืองการปกครอง เลือกที่ Harvard เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมคนเก่งๆ จากทั่วโลก ที่พูดนี่ยกเว้นผมนะ (ยิ้ม) คือผมมองว่า เราเรียนตรงนี้ จะได้ไม่ต้องเรียนกับอาจารย์แค่คนเดียว ทว่ายังสามารถเรียนรู้จากเพื่อนร่วมชั้นได้หมดเลย

อีกอย่างชีวิตผมอยู่เมืองนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนมัธยมก็ดื้อจนที่บ้านส่งไปเรียนนิวซีแลนด์ แล้วคนที่ไปอยู่ต่างประเทศนานๆ คงรู้ว่า ยิ่งอยู่เมืองนอกก็ยิ่งคิดถึงบ้านเท่านั้น ยิ่งอยู่ห่างเมืองไทยเท่าไหร่ ยิ่งอยากรู้ว่า เมืองไทยเป็นยังไง วัฒนธรรม, ศิลปะ, และการเมืองเป็นอย่างไร แล้วตอนที่อยู่นิวซีแลนด์ เวลาบอกใครว่ามาจากเมืองไทย เค้าจะพูดแต่ว่ารู้จักพัฒน์พงศ์ หรืออะไรที่ไม่ดี แล้วพอมีวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 ประทศอย่างเกาหลีใต้ อินเดีย หรืออินโดนีเซีย ก็เจ๊งพร้อมเรา แต่ตอนนี้เค้าก็ไปไกลกว่าเราแล้ว มันก็เลยฝังว่าอยากนำความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่พอมีเข้ามาพัฒนาประเทศบ้าง เป็นฟันเฟืองเล็กๆ สักอันหนึ่ง แต่ว่าในสถานะไหนก็ไม่ได้คิด

แล้วก็คิดว่า เรื่องเศรษฐกิจน่าจะเป็นหัวใจหลักเรื่องนึงในการพัฒนาประเทศ แต่ถ้าเรารู้แต่ภาคเอกชน ก็อาจไม่ทั่วถึง หรือถ้ารู้แต่ภาครัฐ ไม่รู้เอกชนเลย ก็อาจออกนโยบายผิด มันก็เกลาไม่ถูกทิศทางเสียที ซึ่งผมอยากเห็นเหรียญทั้งสองด้าน เพราะว่าเราก็รู้อีกด้านนึงมาแล้ว เลยตัดสินใจไปเรียนการเมืองการปกครอง แต่หลังจากเรียนได้ไม่กี่เดือน ก็มีจุดเปลี่ยน คือคุณพ่อเสียหลังจากผมไปเรียนได้ไม่นาน เสียวันรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549”

จากการเสียชีวิตของคุณพ่อครั้งนั้น ทำให้หนุ่มทิมในวัย 26 ปี ต้องกลับมาดูแลกิจการของครอบครัว ที่ตอนนั้นกำลังก่อร่างสร้างบริษัทและมีหนี้เงินกู้ธนาคารที่เป็นตัวเลขสูงมาก ทว่าด้วยแนวคิดที่ว่า อย่าไปคิดอะไรมาก ก็ทำให้เขาพาบริษัทและทีมงานกว่า 200 ชีวิตที่เค้าเรียกว่า ครอบครัว พ้นวิกฤต และกลายมาเป็นบริษัทด้านการเกษตร ที่ปัจจุบันมียอดขายมูลค่าพันล้านบาทต่อปีได้

จริงๆ ช่วงนั้นผมก็ถือว่าได้นอนหลับเต็มอิ่มอยู่ตลอดเวลานะครับ ผมว่าในการแก้ปัญหา บางทีเราไม่รู้มากก็ดีนะ เพราะยิ่งรู้มากก็ยิ่งคิดไปล่วงหน้า ความทุกข์เกิดจาก 2 อย่างคือ มองไปข้างหน้ามากเกินไป หรือมองไปข้างหลังมากเกินไป ไม่อยู่กับปัจจุบัน สำหรับผม เชื่อว่า อย่าไปคิดมาก อะไรเกิดขึ้นดีหมด เพราะมีคนที่เค้าทุกข์ยากกว่าเราเยอะ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า ตอนนั้นก็จัดการปัญหาไปเรื่อยๆ ตื่นเช้ามามีอะไรก็ทำไป เรียกว่า ตาบอดไม่กลัวเสือ





Health & Mind Part

                อีกด้านหนึ่งนอกจากฉลาดแล้ว หนุ่มคนนี้ยังเป็นหนุ่มที่เล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณพ่อคุณแม่มักจะพาไปสปอร์ตคลับนั่นเอง

                “ความสนใจอื่นๆ ของผม คงเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป คือชอบเล่นกีฬา เล่นดนตรี ถ่ายรูป โดยกีฬานี่เล่นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว คือ คุณพ่อคุณแม่จะเอาไปทิ้งไว้ที่โปโล สปอร์ตคลับ ช่วง 8 โมงเช้า 2 ทุ่ม ค่อยมารับ ผมก็เล่นอยู่ที่นั่นแหละ ฟุตบอล สควอช แบดมินตัน ว่ายน้ำ ฟิตเนส ก็เล่นหมด เล่นไม่เก่งหรอกครับแต่ว่าสนุกที่จะเล่น แล้วตอนไปอเมริกา ก็จะเล่นควอชเยอะเป็นพิเศษ หน้าร้อนเน้นขี่จักรยานเสือภูเขา หน้าหนาวก็เล่นสโนว์บอร์ด โดยสโนว์บอร์ดนี่เริ่มเล่นตั้งแต่อยู่ที่นิวซีแลนด์ เพราะประเทศเค้าเงียบมาก ไม่มีอะไรทำ ก็เลยต้องออกกำลังกาย เล่นรักบี้ เล่นคริกเก็ตกับฝรั่งเค้าไป

 “ส่วนเรื่องแบ่งเวลาดูแลตัวเองนี่ ผมมองว่าวันนึงคนเรามีเวลา 24 ชั่วโมง  ก็แบ่งทำงาน 8 ชั่วโมง นอนพักผ่อน 8 ชั่วโมง เที่ยวอีก 8 ชั่วโมง ถ้าทำได้อย่างนี้มันจะเป็นชีวิตที่มีสมดุลนะ อีกอย่างคือทำจิตใจให้สบาย ฝรั่งเค้าวิจัยมาแล้ว ว่าโรคเกือบ 90% ของร่างกายมาจากจิตใจซะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจิตใจบอกว่าไม่สบาย ร่างกายก็ไม่สบาย นอกจากนี้ผมก็พยายามดูแลตัวเองโดยออกกำลังกายแต่พอดี ตอนนี้แก่แล้ว เข่าไม่ค่อยดี เล่นควอชกับฟุตบอลเยอะ ทำให้เข่าไม่ดี ตอนนี้ก็จะเล่นแต่พอประมาณๆ แล้วก็นอนเยอะๆ ผมใช้หลักคิดง่ายๆ ว่า เอาของดีเข้าตัว เอาของไม่ดีออก ของดีก็คืออาหารการกิน ส่วนของไม่ดีที่ต้องเอาออกก็คือพวกความคิดที่ไม่ดี รวมทั้งเหงื่อด้วย บางทีผมจะไปสตรีมนะ ผมชอบสตรีมมาก ยิ่งถ้าคนน้อยๆ จะไปนั่งสมาธิอยู่เงียบๆ คนเดียวในห้องสตรีม แล้วก็ให้เหงื่อออก

เอ...ฟังดูเหมือนหนุ่มคนนี้จะสนใจเรื่องธรรมะด้วย

                ก็ไม่ได้เว่อร์ขนาดนั้น อ่านบ้าง แต่ไม่ได้มีความรู้อะไรเยอะกว่าคนอื่น เวลามีปัญหาก็มักจะคิดอยู่เสมอว่าอย่าไปคิดอะไรมาก ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม คือคนส่วนใหญ่จะกลุ้มก่อน ไปกังวลกับอนาคคตเสียใหญ่โต หรือว่ากลุ้มเพราะกังวลกับสิ่งที่เคยเกิดในอดีต ผมก็เคยเป็น เพราะกลัวหมอฟันมาก เวลาจะไปหาหมอทีจะนั่งกังวลทั้งวัน เพื่อพบว่าไปแล้วหมอไม่อยู่ (หัวเราะ) เลยคิดได้ว่า แล้วที่กังวลมาทั้งหมดนี่ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ทำให้ตอนนี้มองชีวิตว่าอย่าไปคิดมาก คิดมากไปมันไม่ช่วย อย่าไปกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดดีกว่าครับ



Heart &Sweet Part

ขึ้นต้นว่าเรื่องหัวใจ แน่นอนว่า เราต้องถามไถ่ถึงเรื่องความรัก ซึ่งแบ่งได้ทั้งความรักส่วนตัว และความรักต่อส่วนรวมที่ผสมปนเปในหัวใจของหนุ่มคนนี้

                ก็มีคนที่สนิทด้วยที่คบกันอยู่ (นางเอกสาวจากหนังเรื่องหนีตามกาลิเลโออย่าถามนะว่าคนไหน? :) แต่ว่ายังไม่อยากตอบหนักแน่นมากกว่านี้ เพราะว่าผมเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่เหมือนกับเด็กผู้ชายคนอื่นทั่วไป ผมมีภาระเยอะ ต้องรับผิดชอบบริษัท 2 บริษัท, มหาวิทยาลัย 2 มหาวิทยาลัย, ดูแลคุณแม่ น้องชาย แล้วพนักงานอีก 200 คน เวลาที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งมีให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ต้องหารสอง  กลับมาเมืองไทย วันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ นี่ ผมออกไปไหนไม่ได้ เพราะผมต้องอยู่กับคุณแม่ผม แถมปีนึงผมก็อยู่เมืองไทยแค่ 2 ครั้ง เลยไม่อยากให้เค้ามาลำบาก แต่ถ้ามีคนที่พร้อมจะลำบากไปกับผม ผมก็ยินดีที่จะดูแลเค้านะ ซึ่งกับคนที่คบอยู่ตอนนี้ เสน่ห์ของเค้าก็คือ รักครอบครัว ใจเย็น และเข้าใจเรา(ยิ้ม)

จบเรื่องความรักส่วนตัว มาสู่เรื่องความรักต่อส่วนรวม หนุ่มคนนี้ก็ได้เผยให้ฟังถึงความคิดและสิ่งที่เขาตั้งใจทำไว้ว่า
                ถ้าถามว่าจะเล่นการเมืองไหมนี่ ผมคิดว่าจะเล่นก็ต่อเมื่อสามารถช่วยเหลือประเทศได้มากกว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ แต่ถ้าอยู่ภาคเอกชนแล้ว เราสามารถสร้างงานได้มากกว่า สร้าง GDPและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศได้มากกว่าอยู่ภาคการเมือง ผมก็ขอเป็นเอกชนดีกว่า เพราะถ้าไปเป็นนักการเมืองที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากกว่าการใส่สูทโก้ๆ ไปสภา แบบนั้นผมไม่เอา เพราะใจจริงแล้วผมสนใจเรื่องการพัฒนา มากกว่าเรื่องการเมืองนะ ผมสนใจเรื่องทำยังไงให้ความยากจนหมดไป ทำยังไงให้ความไม่เท่าเทียมกันหายไป

                “คือผมรู้สึกว่า ถ้าตัวเองต้องตายไป อยากให้คนอื่นจำเราในฐานะ Developer คือนักพัฒนา ผมคิดเสมอว่าเกิดมาเราก็ไม่มีอะไร ตายไปได้นุ่งกางเกงตัวเดียวก็กำไรแล้ว เลยไม่อยากเอาอะไรไป แต่อยากจะทิ้งความคิดหรือความรู้ไว้บนโลก ผมอยากเป็นเหมือนโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีอเมริกา ที่ปฏิรูปอเมริกาได้, อยากเป็นเหมือนบ๊อบ มาร์เล่ย์ ที่ใช้ดนตรีในการสมานฉันท์ ทำให้ประเทศจาไมกาไม่แตกแยกกัน, อยากเป็นเหมือนมหาตมะ คานธี ที่ใช้สันติภาพในการสร้างอินเดียให้เป็นประเทศอย่างที่เป็นทุกวันนี้ ผมอยากเป็นอะไรที่ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่อย่างคนที่พูดมาก็ได้ แต่ว่าขอทำอะไรให้ความเป็นมนุษยชาติของโลกดีขึ้น ไม่ว่าจะโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้ศาสตร์หรือใช้ศิลป์ก็ตาม


                เขาปิดท้ายประโยคด้วยคำตอบที่ไม่เพียงฟังดูเฉลียวฉลาด ทว่ายังเป็นคำตอบที่เปิดเผยให้เห็นหัวใจของคนพูดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย









MH Guy

3 สิ่งสำคัญในชีวิต
ครอบครัว, ครอบครัว, แล้วก็ครอบครัว

คนที่คุณชื่นชมบนโลกใบนี้
ชอบคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ประภาส ชลศรานนท์, บัณฑิต อึ้งรังษี, สุรชัย กิจเกษมสิน (เล็ก วงพราว),อองซาน ซูจี,ฟิเดล คาสโตร, Ajahn Brahm อดีตนักศึกษาจากมหาวิทยลัยเคมบริดจ์ ที่ค้นพบธรรมะแล้วบวชเป็นพระ ปัจจุบันพำนักอยู่ที่ออสเตรเลีย

อนาคตของเมืองไทยที่อยากเห็น
1)ความยากจนน้อยลง 2)ความเท่าเทียมมากขึ้น ไม่ใช่ว่า 10 %ของประชากรถือครอง 90 % ของความมั่งคั่งเอาไว้ คือมองว่า ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเป๊ะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยอยากให้ลดลง ไม่อยากเห็นคนไม่มีอันจะกิน หรือว่าไม่อยากเห็นคนนอนหนาวตายในหน้าหนาว เรื่องนี้ผมงงมากว่ามันเป็นไปได้ยังไง? ในเมื่อเราบริจาคผ้าห่มกันทุกปี แล้วทำไมยังมีคนหนาวตายทุกปี แสดงว่ามันมีความเหลื่อมล้ำบางอย่าง

อนาคตเป้าหมายที่วางไว้
ภายใน 5 ปีนี้คือ 1)เรียนให้จบ 2)กลับมาดูแลแม่ 3)ทำบริษัทให้ดีขึ้นกว่านี้ ใหญ่กว่านี้ มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ แล้วก็มีความสุข ส่วนหลังจากนั้นก็คงกลับมาพัฒนาประเทศ แต่ว่ายังไม่ได้กำหนดสถานะว่าจะเป็นอะไร

ตัวตนของทิม
เป็นคนเรื่อยๆ ง่ายๆ อาจมีหลายมุมด้วยหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ แต่เวลาเป็นนักเรียนนักศึกษา ผมจะเป็นตัวของตัวเราเอง ทว่าเราก็คงไม่เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นทั่วไปที่มีคุณพ่อ เพราะเราต้องมีความรับผิดชอบเยอะ ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนบุคลิก แต่ว่าในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีความรับผิดชอบสูง ต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆ อย่างก็จริง แต่ก็ไม่อยากที่จะทิ้งความเป็นเด็กในตัวไป เพราะว่าการที่จะใช้ชีวิตตอนอายุเท่านี้ กับตอนที่อายุ 35 ปี มันไม่เหมือนกัน

ความเป็นเด็กที่ทิมยังคงรักษาไว้
ผมยังคงไปมาหาสู่กับเพื่อนฝูง ยังเล่นดนตรี ยังมีงานอดิเรก เพราะชีวิตคนเราไขน็อตแน่นมากเดี๋ยวมันพัง ให้มันมีหลวมๆ บ้างก็ได้ แล้วก็เที่ยวเยอะ เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวต่างจังหวัด อาทิตย์ที่แล้วไปมา ภูเก็ต สิงห์บุรี อยุธยา กาญจนบุรี 4 ที่ใน 5 วัน กาญจนบุรีนี่เลยไทรโยคไป เกือบจะถึงพม่า ชอบมาก ผมชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยชอบอะไรวุ่นวายมาก 

[บทความสัมภาษณ์] สงกรานต์ เตชะณรงค์ in Men's Health 2009




[บทความสัมภาษณ์]



Men's Health Thailand
คอลัมน์ MH Guy
Issue : Oct 09
เรื่อง Tiktok / ภาพ บุญแผ้ว แดงแท้





สงกรานต์ เตชะณรงค์

                ถือเป็นหนุ่มที่กำลังมาแรงคนหนึ่งแห่งยุค ทั้งจากธุรกิจ อาณาจักรโบนันซ่า ณ เขาใหญ่ ที่เขากลับมาช่วยบริหาร และต่อเติมเสริมสร้างสิ่งใหม่ๆ เข้าไปหลายส่วน รวมไปถึง ความร้อนแรงจากการตกเป็นข่าวกับสาวสวยในวงการบันเทิงหลากหลายคน และในวันที่พระอาทิตย์ไม่สาดแสงร้อนแรงเท่าไหร่ Men’s Health ได้ยกกองไปที่เขาใหญ่ เพื่อพูดคุยกับหนุ่มที่เกิดวันที่ 13 เมษายน คนนี้ และนี่คือปากคำและเรื่องราวของ สงกรานต์ เตชะณรงค์ หนุ่มวัย 26 ปี ที่มีส่วนผสมของความเป็นลูกทุ่งและคนเมืองกรุงผสานกันไว้
                ...จนกลายมาเป็น หนึ่งในหนุ่มสุดฮอตของ พ.ศ. นี้... (บทสัมภาษณ์ตีพิมพ์ ตุลาคม 2552)



ธุรกิจที่มุ่งมั่น ณ อาณาจักรโบนันซ่า

                อากาศที่เขาใหญ่ค่อนข้างสดใส และหนุ่ม MH Guy ฉบับตุลาคม ก็เดินออกมาต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม วันที่ Men’s Health ไปเยือนโบนันซ่า แม้จะมีลูกค้าเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ซีอีโอหนุ่มอย่าง สงกรานต์ เตชะณรงค์ ก็ออกมาดูแลและตรวจงานตามจุดต่างๆ ในชุดเสื้อยืดลำลองสีดำและกางเกงขาสามส่วน แหม...ก็ในเมื่อที่นี่คือเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วจะให้หนุ่ม MH Guy ของเรา ใส่สูทผูกไทด์ออกตรวจตรางานท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีก็คงไม่เข้าท่ามั้งครับ

 “ทางบ้านผมมีธุรกิจอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยครับ แต่ผมจะดูแลที่นี่ที่เดียว ส่วนใหญ่จะดูเรื่องของที่พัก, โรงแรม, สถานที่สำหรับจัดคอนเสิร์ตและอีเวนท์ แล้วก็มีที่เราทำบ้านและคอนโดขายที่เขาใหญ่ด้วย นอกจากนี้ก็มีสนามกอล์ฟ ส่วนใหญ่ผมจะทำงานทุกวัน ยิ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น ช่วงพีกของเขาใหญ่จะเป็นช่วงปลายตุลาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ เพราะที่นี่อากาศเย็น คนจะมาเที่ยวเยอะ

เนื่องจากมีคุณพ่อเป็นหนึ่งในราชาเขาใหญ่ อย่างคุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ หลายคนคงคิดว่า เมื่อหนุ่มคนนี้กลับมาบริหารงานของครอบครัว คุณพ่อย่อมต้องลงมาช่วยสอนงานแน่ๆ แต่หนุ่ม MH Guy ของเราส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนตอบว่า

ตอนจบมาใหม่ๆ คนอื่นเค้าจะมีพ่อคอยช่วยประคอง คอยแนะนำใช่ไหมครับ แต่คุณพ่อผมท่านจะเป็นแบบ เฮ้ย! มึงจบแล้ว กูเหนื่อยแล้ว อ่ะ...มึงทำ (หัวเราะ) ประมาณนี้ เค้าจะปล่อยเลย จริงๆ มีอะไรก็โทรหาเค้าได้ แต่หลังๆ เราเริ่มประสบการณ์เยอะขึ้น ก็จะไม่ค่อยถามแล้ว เพราะเวลาปรึกษาทีไรก็จะทะเลาะกันทุกที (หัวเราะ) แต่ก็สนิทกันนะครับ เจอกันทุกอาทิตย์ พ่อมาที่นี่บ้าง ผมไปกรุงเทพฯ บ้าง แต่เค้าจะโทรมาทุกวัน โทรมาแหย่ๆ กวนๆ ตามสไตล์เค้า หนุ่มสงกรานต์ กล่าวยิ้มๆ

งานที่เขาทำเป็นงานบริการ ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับคนเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าปัญหาที่เจอย่อมหลีกหนีไม่พ้นไปจากเรื่องเหล่านี้ แล้วเมื่อพบเจอปัญหา ซีอีโอหนุ่มวัย 26 ปี จะมีวิธีรับมืออย่างไรบ้างนะ?

ก็ค่อยๆ คิดแหละครับ แต่ผมจะไม่ค่อยปรึกษาคุณพ่อนะครับ เพราะเค้าก็ยุ่งกับอะไรของเค้าที่กรุงเทพฯ มากพอแล้ว โทรไปมากๆ เดี๋ยวเค้ารำคาญ (หัวเราะ) ผมก็ลองผิดลองถูกไป แล้วพอดีมีพี่ที่เค้าเคยทำมาก่อนมาช่วยงานด้วย ซึ่งการทำงานบริการเราต้องเรียนรู้ที่จะใจเย็น เพราะ ลูกค้าคือพระเจ้า แล้วงานอย่างนี้มีรายละเอียดเยอะ เหมือนเราดูแลใครสักคนตั้งแต่เค้าเข้ามาพักกับเรานั่นแหละครับ





ซีอีโอผู้เสพติดการออกกำลัง

                ช่วงนี้หนุ่มสงกรานต์ไม่ค่อยได้เล่นกีฬาเลยครับ ไม่ใช่เพราะเขาเลิกรักชอบกับการออกกำลังเรียกเหงื่อแต่อย่างใด ทว่าเขาเพิ่งมีอาการเอ็นเข่าขวาขาด อันเกิดจากการเตะฟุตบอล ช่วงนี้เลยเป็นช่วงที่คุณหมอแนะนำให้เขาพัก กิจกรรมออกกำลังของเขาเลยเน้นไปที่การว่ายน้ำเป็นหลัก แต่หนุ่มคนนี้ก็ยอมรับว่า เขาชอบเล่นกีฬามาก และรอวันที่อาการจะดีขึ้น เพื่อจะได้กลับไปเตะฟุตบอลและตีกอล์ฟอีกรอบ

                ตอนนี้ขาเจ็บก็ว่ายน้ำอย่างเดียว ทว่าเมื่อก่อน ผมจะเตะฟุตบอลกับทีมทำงาน อะไรที่เป็นกีฬา ผมชอบหมด แต่ช่วงนี้ไม่ได้เล่น เลยเซ็งนิดหน่อย ส่วนขี่ม้านี่ผมขี่ตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะว่าเราอยู่ในไร่ตั้งแต่เด็ก เวลาอยู่ในไร่ ขี่ม้ามันสะดวกกว่า แต่ก่อนที่ตรงนี้ (เขาใหญ่) ไม่มีถนน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอะไรเลยนะ คือต้องนั่งรถไถเข้ามา ต้องขี่ม้า เลยเรียนขี่ม้ามาตั้งแต่เด็กๆ

                ผมติดเล่นกีฬาหนักๆ ตั้งแต่ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่นิวซีแลนด์ครับ นิวซีแลนด์ถือเป็นเมืองที่เค้าเน้นกีฬามากเลย สมัยอยู่นู่น เลิกเรียนปุ๊บ เค้าจะไปซ้อมกีฬากันแล้ว เรียกได้ว่าชาวนิวซีแลนด์เค้าใช้ชีวิตอีกสไตล์นึง ไม่เหมือนกรุงเทพฯ ทุกอย่าง 5 โมงเย็นก็ปิดแล้ว ผมเลยซึมซับเรื่องกีฬามา สมัยนั้น ผมเล่นกีฬาเกือบทุกวันเลย




บนสังเวียนแห่งการชกมวย

                ภาพที่เราคุ้นตากับหนุ่มสงกรานต์ คือภาพของนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ บวกกับภาพเซเลบริตี้หนุ่มขวัญใจสาวๆ แต่ขอบอกว่า ยังมีอีกภาพที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้ว่าหนุ่มคนนี้เคยทำและเคยเป็น นั่นคือภาพนักมวยครับ

                ช่วงปีที่แล้ว ผมฝึกมวยทั้งปีเลยครับ ฝึกด้านหลังโบนันซ่านี่แหละ เพราะเป็นที่เก็บตัวทีมชาติ ที่ไปฝึกเนื่องจากสนใจ แล้วพอดีมีเพื่อนเป็นนักมวยชวนไปฝึก ผมฝึกทุกวันอยู่ปีนึง โดยก็ยังคงทำงานเป็นปกติ ช่วงฝึกนี่เค้าจะซ้อมหนักมาก 6-8 โมงเช้าจะต้องตื่นมาวิ่ง,วิดพื้น, และชกกระสอบทราย แต่ผมจะซ้อมแค่ช่วงเช้าช่วงเดียว ส่วนคนอื่นจะซ้อม 3-4 ช่วงใน 1 วัน ถือว่าเค้าแข็งแรงกันมาก แล้วผมเคยไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยด้วยนะครับ รุ่นมิดเดิ้ลเวต น้ำหนัก 75 กิโลกรัม แต่ว่าตกรอบแรกเลย (หัวเราะ) ยกแรกก็โดนนับ 8 เลย

                “ที่ผมไม่ฝึกต่อ เพราะมันใช้เวลาเยอะมาก ฝึกไปก็ไม่รู้จะแข่งกับใคร เพราะว่าคนอื่นเค้าฝึกมาเป็นสิบๆ ปี เค้ามืออาชีพกันหมดแล้ว ชกมวยนี่ต้องฟิตจริงๆ จำได้ว่าวันแรกที่ผมไปซ้อมนี่ ผมอ้วกทันที มันเหนื่อยมาก ตอนนั้นผมมีกล้ามท้อง 8 ลูกเลย ซึ่งได้มาจากมวยนี่แหละครับ มวยนี่ถือว่าเหนื่อยสุดๆ แล้วตั้งแต่เคยเล่นมา




ท.ทหาร อดทน
ถ้าเรื่องชกมวย ทำให้คุณประหลาดใจแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีเรื่องให้เราประหลาดใจได้อีก เมื่อได้รู้ว่าในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เค้าเคยสมัครเป็นทหาร 6 เดือน

คุณพ่อให้ไปสมัครครับ คงเพราะท่านชอบทหารมั้ง เหมือนคุณพ่อทั่วไปที่อยากเห็นลูกใส่ชุดทหารแหละ อีกอย่างผมไม่ได้เรียน ร.ด. มา เลยไปขอสมัครเป็นทหาร ฝึกอยู่ 6 เดือน ถือว่าได้เรียนรู้เยอะเลย ทั้งเรื่องระเบียบวินัย เพราะทหารจะเน้นเรื่องนี้มาก ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เคารพธงชาติ รวมแถว แล้วก็จะมีเรียนหนังสือด้วย อีกครึ่งวันฝึกเน้นใช้แรง ถือว่าได้เรียนรู้อะไรเยอะดี





นิวซีแลนด์เปลี่ยนชีวิต

                หลายคนอาจเคยทราบว่า หนุ่มคนนี้เรียนจบด้านไฟแนนซ์มาจากนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นที่ที่เค้าถือว่าเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเลยทีเดียว

                ผมได้อะไรจากการไปเรียนนิวซีแลนด์เยอะครับ ที่แน่ๆ คือใบปริญญา เพราะถ้าอยู่เมืองไทยคงเรียนไม่จบ อยู่ที่นู่นมันมีเวลาให้ตั้งใจเรียน แล้วไม่ค่อยมีสิ่งยั่วยุ หรือแสงสี เมืองที่ผมไปเป็นเมืองมหาวิทยาลัย คนที่ไปอยู่เมืองนั้นส่วนมากจะไปเรียน ซึ่งผมชอบนะ แรกๆ อาจเหงา แต่พอเริ่มปรับตัวได้นี่ก็โอเค เมืองมันสงบดี ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีอันนึงของชีวิต เพราะแต่ก่อนเราอยู่เมืองไทย ผมเกเรเลย พอไปอยู่ที่นู่นมันได้เปลี่ยนตัวเอง





บ้านของผม

                ครอบครัวของหนุ่มคนนี้อยู่กรุงเทพฯ แต่หนุ่มสงกรานต์ปักหลักทำงานที่โบนันซ่า และเขาดูมีความสุขกับการได้ทำงานท่ามกลางขุนเขาที่นี่มากๆ จนเราอดถามไม่ได้ว่า ที่ไหนที่เขารู้สึกว่าเป็น บ้าน กันแน่?

                ชอบที่นี่ครับ เพราะผมอยู่อย่างนี้มานานแล้ว อยู่นิวซีแลนด์ก็เป็นป่าๆ อย่างนี้ ผมสังเกตว่าคนที่ไปเรียนนิวซีแลนด์ ส่วนมากกลับมาแล้วจะสันโดษนะ ซึ่งตอนนี้ผมคงปักหลักอยู่ที่เขาใหญ่นี่แหละ เพราะว่าผมไม่ชอบรถติด เวลาพูดถึง บ้าน ผมจะคิดถึงที่นี่ กรุงเทพฯ ก็คงต้องเข้าไปบ้าง ไปเปิดหูเปิดตา เจอเพื่อน คนเราจะทำแต่งานอย่างเดียวมันก็คงไม่ใช่การใช้ชีวิตที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก ยังไงก็ต้องมีเฮฮาบ้าง




ความรักของหนุ่มสงกรานต์

ดูท่าเขาจะหลงเสน่ห์ความเงียบสงบของเขาใหญ่ ไม่น้อย แต่อยากรู้จังเลยว่า ผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะหลงเสน่ห์กันนะ จะใช่หนึ่งในสาวๆ ที่เขากำลังมีข่าวอยู่หรือเปล่า?

ผมชอบผู้หญิงที่ดูไทยๆ เลยครับ หน้าตาไทยๆ นิสัยไทยๆ เขาตอบยิ้มๆ ก่อนจะหัวเราะนิดนึงเมื่อเราถามต่อว่าคิดอย่างไรกับลูกครึ่งแขก

ลูกครึ่งแขกก็สวยดีครับ ส่วนผู้หญิงเก่งผมก็ชื่นชม (ยิ้ม) แต่จริงๆ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะโฟกัสเรื่องงาน เพราะเราอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างตัว พยายามทำตามเป้าหมายเรื่องงานที่เราคิดไว้

จริงๆ ยิ่งโตขึ้น ผมว่ามุมมองความรักของคนเรายิ่งเปลี่ยนไปนะ ตอนเด็กๆ เราจะดูแค่ภายนอก แต่พอโตขึ้น มุมมองจะเปลี่ยน อาจฟังดูน้ำเน่า แต่มันต้องดูนิสัยด้วยครับ ผมจะเน้นว่าคุยกันเข้าใจไหม เข้ากันได้หรือเปล่า นึกออกไหมครับว่า ผมเป็นคนที่ทำงานอยู่ตรงนี้ นานๆ ทีจะขึ้นไปกรุงเทพฯ ผมเคยมีแฟน แล้วเค้าไม่ชอบที่ผมต้องอยู่ตรงนี้ (เขาใหญ่) แต่จริงๆ ผมไม่ซีเรียสว่าฝ่ายหญิงต้องมาอยู่ที่นี่กับผมนะครับ



อนาคตของซีอีโอแห่งขุนเขา

อาจเพราะความที่ทำงานท่ามกลางขุนเขามาสักพักแล้ว พอถามถึงอนาคตเบื้องหน้า หนุ่มคนนี้เลยตอบกลับมาว่า เขาก็มีฝันอยากจะสลับไปทำธุรกิจที่ทะเลบ้าง...ซึ่งคงสนุกดี

อยากไปทำธุรกิจที่ทะเลบ้าง มันคือความฝัน ขอเป็นริมทะเลที่สงบหน่อย และคงเปิดเป็นธุรกิจบริการ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือร้านอาหาร ส่วนตอนนี้ ถ้ามีเวลาว่างยาวๆ สักอาทิตย์นึง ผมอยากไปเที่ยวทะเลมากเลยครับ

เขาจบคำตอบสุดท้าย พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ เลือนหายไปท่ามกลางขุนเขา หลังจากใช้เวลาพูดคุยและถ่ายภาพเขาอยู่เกือบค่อนวัน ก็ถึงเวลาที่เราต้องเอ่ยคำอำลาเสียที และขณะที่รถของทีมงานกำลังเลี้ยวเพื่อเข้าสู่ถนนสายหลักที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จากกระจกหลังรถ เรามองเห็นซีอีโอหนุ่มที่มีข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงกรุงเทพฯ บ่อยๆ คนนี้ กำลังเดินเข้าไปทักทายกับพนักงาน และลูกค้าที่จัดงานธีมงานวัด บนลานหญ้ากว้างไกลอยู่ ขอบอกว่าเขาดูกลมกลืนกับภาพและผู้คนเหล่านั้นมากๆ เลยล่ะครับ

บางที กรุงเทพฯ อาจเป็นศูนย์กลางของหลายๆ สิ่ง ... แต่อาจไม่ใช่ศูนย์กลางชีวิตของทุกผู้คนก็ได้นะ












MH Guy
ตัวตนของสงกรานต์
ง่ายๆ สบายๆ ไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไหร่

ชื่อเล่นของสงกรานต์
ก็สงกรานต์นั่นแหละครับ (หัวเราะ)

สไตล์บ้านของสงกรานต์
หลังที่พักอยู่ที่เขาใหญ่เป็นบ้านแบบคันทรี่ครับ

รอยสักของสงกรานต์
มีทั้งหมด 3 ที่ สักตอนเรียนมัธยมต้น แต่เป็นแค่ลายกราฟิกธรรมดาครับ ไม่ได้มีความหมายอะไร และคงไม่ไปสักเพิ่มแล้ว เพราะเป็นคนกลัวเข็ม ส่วนเรื่องจะลบหรือไม่นั้น อาจจะไม่ครับ เพราะเค้าว่ากันว่า ลบมันเจ็บกว่าสัก 10 เท่าเลย

3 สิ่งสำคัญในชีวิต
เป็นสิ่งรอบตัว ก็คือครอบครัว เพื่อนฝูง และงาน

บุคคลต้นแบบ
ถือว่าไม่มีนะครับ แต่อาจศึกษาจากนักธุรกิจอื่นๆ ที่เก่งๆ ก็นำมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองบ้าง

สงกรานต์ กับเคล็ดลับในการขี่ม้า
1)ขี่ม้านี่ห้ามไปกลัวมันครับ ถ้าเรากลัว ม้าจะรู้ ไม่แน่ใจว่าเซนส์ของมันหรือเปล่า ซึ่งถ้ามันรู้แล้วมันจะแกล้งเรา จะทำให้เราตกใจ เราต้องอย่าไปกลัวมันเป็นอันดับแรก
2)เราต้องมีบังเหียน ให้มันรู้ว่า เราเป็นเจ้านายมัน ทั้งนี้เราใช้บังเหียนเป็นตัวสื่อสารกับม้า ว่าเรากำลังควบคุมมันอยู่
3)อย่าพยายามพาม้าไปใกล้คอก เพราะม้าอาจวิ่งเตลิดเข้าคอกไปเลย เหมือนคนที่เห็นบ้านแล้วอยากวิ่งเข้าหานั่นแหละครับ ผมเคยตกม้าครั้งนึง เพราะกะว่าจะบังคับม้าไปอีกทาง แต่พอวิ่งผ่านคอกม้า มันเลี้ยวไปอีกทางนึง ทำให้เราตกลงมาเลย 

[งานแปล] Provocative Feature : หรือการมีชู้เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้


[งานแปล]




Women's Health Thailand
Issue : July 2011
เรื่อง Meghan Rabbitt   /  แปลและเรียบเรียง Tiktok  /  ภาพ Rodale








หรือการมีชู้เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้?

                เจ้าชู้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องราวการนอกใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมได้ก่อให้เกิดคำถามว่า “หรือการมีคู่สมรสเพียงคนเดียว ได้กลายเป็นสิ่งล้าสมัยและใกล้สูญพันธุ์ไปเสียแล้ว?” Women’s Health ลองสำรวจแรงขับทางชีวภาพของคนในยุคนี้  เพื่อทำความเข้าใจกับความรัก, การมีกิ๊กในเฟซบุ๊กของคนทั่วไป, และค้นหาคำตอบว่า การซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวนั้น ยังหลงเหลืออยู่ไหมในสังคม

                ในยุคที่สิ่งยั่วเย้ามีอยู่รอบตัว การนอกใจดูจะกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกา บ้านเกิดของซาร่า (นามสมมติ) วัย 35 ปี ผู้มีการงานอันแสนมั่นคง รวมถึงมีครอบครัวที่ดูภายนอกก็สุขสันต์ดี แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ซาร่าก้าวเข้าไปเล่นสนุกกับภาวะนอกใจ? แล้วเธอพบเจออะไรหลังจากนั้น? ลองมาติดตามดูกัน
               
                สองทุ่มคืนวันอังคาร ซาร่าก้าวย่างเข้าไปในบาร์ของโรงแรมที่เธอเดินทางมาประชุมงาน เธอเพิ่งวางสายจากสามีไปเมื่อตะกี้ หลังจากคุยสารทุกข์สุขดิบว่าลูกสาววัย 6 ขวบเป็นอย่างไรบ้าง พอคุยจบเธอก็หมดแรง วันนี้เป็นวันประชุมงานอันยาวนาน เธออยากจิบไวน์โซวีญองเติมพลังให้ชีวิตตั้งแต่เที่ยงวันนู่นแล้ว

                ซาร่ามองไปรอบๆ บาร์ สายตาประสานเข้ากับเบน เพื่อนร่วมงานวัย 42 ปี หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เธอมักเล่นหูเล่นตาด้วยบ่อยๆ ทั้งคู่มักเจอกันเวลาไปประชุมต่างเมืองเสมอ ซาร่ารู้สึกหวิวๆ เมื่อเห็นหนุ่มใหญ่คนนี้ และก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว เบนก็เลื่อนเก้าอี้สตูลและเชื้อเชิญให้เธอนั่งลงข้างๆ เขา พร้อมถามว่าจะดื่มอะไรดี ฉับพลันซาร่ารู้สึกตื่นเต้นซู่ซ่า เพราะตัวรับโดพามีนในสมองเริ่มถูกปลดปล่อย ทำให้สารโดพามีน, เฟนิลไทลามิน, และอ็อกซิโตซิน หลั่งไปทั่วร่าง (สมองส่วนนี้คือศูนย์ควบคุมความสุข ทำให้คนเรารู้สึกบันเทิงเริงรมย์) เธอตัดสินใจนั่งลงข้างๆ เขา จากนั้นก็เริ่มหยอกเอินและแทะโลมกันอย่างที่เคยทำบ่อยๆ  ว่าแต่ว่า นี่ซาร่ากำลังนอกใจสามีที่แต่งงานกันมา 10 ปีหรือเปล่านะ? อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจ เพราะเรื่องราวยังไม่จบแค่นี้ค่ะ



สถิติฟ้อง คนเรามีชู้มากขึ้น

จากการสำรวจ General Social Survey ของอเมริกาในปี 2006 (จัดทำโดย University of Chicago โดยได้รับเงินทุนวิจัยจาก National Science Foundation) พบว่า คนส่วนใหญ่มักขึ้นเตียงกับคู่รักของตนมากกว่าปล่อยตัวไปกับคนอื่น โดยผลสำรวจชี้ว่า มีผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเพียง 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยอมรับว่ามีชู้ ส่วนชายที่นอกใจภรรยามีจำนวน  20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเรานำสถิตินี้ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลย้อนหลัง จะพบว่าผู้หญิงอเมริกันนั้นนอกใจมากขึ้น ทั้งนี้ในปี 1991 มีผู้หญิง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยอมรับว่ามีชู้ ส่วนผู้ชายนอกใจ 21 เปอร์เซ็นต์ ทว่านักวิจัยคาดว่า จำนวนของคนที่มีชู้นั้น น่าจะมากกว่าผลสำรวจที่ทำไว้
                ฟังดูอาจไม่น่าแปลกใจและตกใจเท่าไหร่ เพราะในสังคมอเมริกันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวคนดังนอกใจคู่รักบ่อยมากทีเดียว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ไทเกอร์ วู้ดส์ หรือล่าสุดคือ อาร์โนลด์ ชวาลเซเนกเกอร์ นอกจากนี้เรายังได้เห็นคนทั่วไปที่นอกใจคนรักด้วยการมีกิ๊กในเฟซบุ๊ก เหมือนว่าสังคมอเมริกันกำลังถลำเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการนอกใจ สิ่งเหล่านี้ชวนสงสัยมากว่า เราก้าวเดินมาถึงจุดที่การรักเดียวใจเดียวกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันมากกว่าสิ่งที่ทำได้จริงแล้วเหรอ?








พลัดหลงในวังวนนอกใจ

                บางทีการนอกใจอาจเกิดจากดีเอ็นเอของเราก็ได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์แห่ง University of Texas เมืองออสติน เพิ่งค้นพบว่า ในการศึกษาผู้หญิงอายุ 17-30 ปี ที่มีระดับฮอร์โมนเอสตราดิออล (Estradiol คือฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดหนึ่งที่สร้างโดยรังไข่ ที่ทำให้สาวๆ มีคุณสมบัติแบบหญิงๆ ดึงดูดใจชาย เช่น มีโหนกแก้มสูง โครงหน้าสมมาตร และทรวดทรงโค้งเว้าแบบนาฬิกาทราย) สูงนั้น มีแนวโน้มที่จะหว่านเสน่ห์ จูบ และมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแบบจริงจังกับชายคนอื่นที่ไม่ใช่คู่รักของตัวเอง มากกว่าสาวๆ ที่มีระดับฮอร์โมนเอสตราดิออลต่ำกว่า

                “สำหรับสาวๆ ที่มีฮอร์โมนเอสตราดิออลสูงกว่านั้น สมองจะบอกพวกเธอว่า คุณฮอตจะตาย คุณช่างเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบหญิงสาวที่ชายหนุ่มอยากได้ คุณสามารถได้ชายหนุ่มที่หล่อสุดๆ รวยสุดๆ แล้วรอช้าอยู่ทำไมล่ะ?” ดร.คริสตินา ดูแรนเต้ (Kristina Durante) นักวิจัยผู้ช่วยหลังปริญญาเอกประจำ University of Minnesota และหนึ่งในทีมศึกษา เผยให้ฟัง “มันไม่ใช่ว่าการมีฮอร์โมนเอสตราดิออลสูงจะทำให้ผู้หญิงมีชู้ไปทั่ว แต่มันจะกระตุ้นเธอโดยไม่รู้ตัว ให้เธอเปิดโอกาสแก่ชายคนใหม่ที่ผ่านเข้ามาอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเธอกำลังไม่โอเคกับคู่รักอยู่”

                แน่นอนที่สุด ชีววิทยาเป็นแค่ส่วนหนึ่งในสมการเคมีนอกใจนี้เท่านั้น ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าสาวๆ ทุกคนที่นอกใจคนรัก จะมีระดับเอสตราดิออลสูงเสียหน่อย เพราะ เวนดี้ วัย 35 ปี ซึ่งเป็นอาจารย์ระดับวิทยาลัยที่เมืองนิวยอร์ก อเมริกา ผู้มีรูปร่างหุ่นแข็งทื่อ และขาดคุณสมบัติโค้งเว้าเย้ายวนแบบหญิงๆ (อันเป็นคุณสมบัติที่ฮอร์โมนเอสตราดิออลสร้างขึ้น) ยังนอกใจแฟนหนุ่มที่อยู่กินด้วยกันในปัจจุบัน ด้วยการไปหลับนอนกับแฟนเก่าเสียงั้น

                “การมีเซ็กซ์กับแฟนเก่าลับหลังแฟนคนปัจจุบันนั้น เหมือนการหลบหนีจากชีวิตจำเจที่ฉันอาศัยอยู่” เธอกล่าว “อีกอย่าง เซ็กซ์ที่มีกับแฟนหนุ่มก็ไม่ใช่ว่าจะดียอดทุกครั้งไป ขณะที่เซ็กซ์กับแฟนเก่านั้น เร้าใจมาก”

                นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่เผยให้เรารู้ว่า เรามักถูกดึงดูดโดยคนที่มีกลิ่นเฉพาะตัวแตกต่างจากเรา ยิ่งกลิ่นเฉพาะตัวของคุณไม่เหมือนหนุ่มคนไหนมากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งมีเสน่ห์ทางเพศต่อคุณมากเท่านั้น ทั้งนี้เมื่อเราสัมผัสกลิ่นที่แตกต่างของชายหนุ่ม เราจะจินตนาการโดยไม่รู้ตัวว่าเราสามารถมีลูกที่สุขภาพดีและหน้าตาน่ารักกับเขาได้ ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์แห่ง University of New Mexico อยากรู้เพิ่มเติมว่า แล้วถ้าคู่รักมียีนกลิ่นที่คล้ายกันล่ะ จะส่งผลอะไรต่อความลงรอยในด้านเซ็กซ์ของพวกเขาไหม? นักวิทยาศาสตร์เลยศึกษาคู่รักต่างเพศ 48 คู่ ที่อยู่ด้วยกันอย่างน้อย 2 ปี สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวเซ็กซ์ของพวกเขา และทดสอบความเข้ากันได้ของยีน แน่นอนที่สุดว่า ยิ่งสาวๆ มียีนเหมือนกับคู่รักของเธอแค่ไหน เธอก็ยิ่งเอ็นจอยเซ็กซ์กับคนรักได้น้อยเท่านั้น แถมยังมีแนวโน้มที่จะตอบแบบทดสอบว่ามีชู้หรือเคยนอกใจมากขึ้นด้วย

                ส่วนงานศึกษาชิ้นอื่น ได้เผยให้เห็นว่า ชายบางคนนั้นมีความโน้มเอียงด้านกายภาพในการที่จะนอกใจมากกว่าหนุ่มอื่น นักวิจัยสวีเดนได้พบว่า ชายหนุ่มที่มีตัวรับของฮอร์โมนวาโซเพรสซินน้อย (Vasopressin เป็นสารสื่อนำประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกผูกติด และต้องการปกป้องคู่รัก) หนุ่มคนนั้นจะยิ่งมีแนวโน้มจะออกไปมีเซ็กซ์อันหลากหลายกับคนอื่นและนอกใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ชายที่ได้รับระดับฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรนสูงตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ จะยิ่งมีโอกาสนอกใจไปมีชู้สูงขึ้น คุณหมอดาเนียล จี. อาเมน (Daniel G. Amen) จิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจินตนาการสมองและเจ้าของหนังสือ Change Your Brain, Change Your Body เผย (พูดให้ง่ายเข้า ถ้าหนุ่มของคุณได้รับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนตอนอยู่ในท้องแม่เยอะ นิ้วนางของเขาจะยาวกว่านิ้วชี้ ดังนั้นลองเช็คนิ้วมือของหนุ่มข้างกายคุณดูเลยค่ะ ถ้านิ้วนางยาวกว่า ระวังความเจ้าชู้มาเยือน)

                เมื่อเป็นดังนี้ เหล่าตัวชี้วัดทางชีววิทยาสำหรับการนอกใจในหญิงและชายก็ถือว่าเหนือการควบคุมเลยล่ะสิ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังไม่มียา (ในตอนนี้) ที่จะลดระดับเอสตราดิออลในผู้หญิง หรือเพิ่มระดับวาสโสเพรสซินในผู้ชายได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้คนในปัจจุบันนอกใจมากขึ้น ในยุคที่คนเรามีไลฟ์สไตล์เร่งด่วน (ได้รับข้อมูลเร็วๆ จากสมาร์ทโฟน) ดูเหมือนพวกเรากำลังใช้งานศูนย์ควบคุมความสุขในสมองอย่างหนักเกินไป (เพราะเราเสพข้อมูลบันเทิงนั่นนี่ได้อย่างเร่งด่วน) มันเลยส่งผลให้เราต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าที่จะรู้สึกพึงพอใจกับคนใกล้ตัว รวมถึงความอยากด้านเซ็กซ์ด้วย

                “ในบางมุม การที่เราอยู่ในยุคที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ได้ข้อมูลรวดเร็วทั้งจากมือถือและอินเตอร์เน็ต จะดูหนังโป๊ก็แค่คลิกออนไลน์ การเจออย่างนี้ได้ทำให้ระบบความสุขสมในสมองถูกทำลาย และฉกฉวยความสามารถที่เราจะชื่นชมอิ่มเอมกับสิ่งธรรมดาๆ ไป” ดร.อาร์คิบอลด์ ดี. ฮาร์ต (Archibald D. Hart) นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ Thrilled to Death: How the Endless Pursuit of Pleasure Is Leaving Us Numb กล่าว

                ลิซซี่ คุณครูสาววัย 31 ปีในไซราคูส นิวยอร์ก อเมริกา บอกว่า เธอเชื่อว่า นี่แหละคือปัจจัยหลักที่ทำให้แฟน (เก่า) ทิ้งเธอไป “เว็บโป๊มีอยู่ทั่วไป คลิกดูได้ง่ายมาก” เธอกล่าว “ถ้าแฟนของฉันไม่ได้ทำการสำเร็จความใคร่อย่างเร่งด่วนกับเว็บโป๊ แล้วหันมามาใช้พลังงานทั้งหมดกับเรื่องบนเตียงของเราในตอนเย็นที่ฉันกลับมาถึงบ้าน ฉันคิดว่า เขาจะเอ็นจอยมีเซ็กซ์กับฉัน และมีแนวโน้มที่จะมีชู้ได้น้อยกว่านี้ เป็นเพราะว่าเขาดูเว็บโป๊เหล่านั้น และสมองก็เริ่มวาดฝันอย่างหนัก เขาเริ่มเปรียบเทียบท่วงท่าเซ็กซ์ของเรากับสิ่งที่เห็นในโลกออนไลน์ เมื่อมันเทียบกันไม่ได้เขาเลยไม่พอใจ” และเมื่อเธอพาเขาไปถึงจุดที่ต้องการไม่ได้ มันก็มาถึงจุดที่ว่า “เขาค้นพบว่า เขาคงต้องไปหาสิ่งนี้จากคนอื่นแทน”



เดินทางเข้าสู่อาณาจักรแห่งการนอกใจ

                กลับสู่กรณีของ ซาร่า และ เบน ไม่ว่าซาร่าจะมีระดับเอสตราดิออลอยู่ในร่างกายสูง (เพราะเธอมีหุ่นฮอตและสวย) หรือว่าเบนจะมีตัวรับวาสโสเพรสซินในสมองน้อย (ซาร่าสังเกตเห็นว่า เขาดูเจ้าชู้ทีเดียว) แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ เมื่อพวกเขานั่งลงข้างกันในบาร์ พวกเขาก็เริ่มยั่วยวนและหว่านเสน่ห์ใส่กันทันที เบนบอกซาร่าว่าเขาคิดว่าเธอเร่าร้อนมากเวลาที่รวบผมขึ้นและยึดมันไว้ด้วยดินสอ ขณะที่ซาร่ายอมรับว่า เธอจินตนาการถึงการมีเซ็กซ์กับเขาในออฟฟิศหลังเวลาเลิกงาน

                ตอนที่เบนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ มือของเขาก็แตะแขนของเธอ ตอนนั้นเธอดื่มค็อกเทลไปแล้วผิวของเธอเลยอ่อนไหวต่อสัมผัสนั้นเป็นพิเศษ เธอรู้สึกซู่ซ่าไปทั่ว พร้อมเริ่มจินตนาการว่าได้จูบเขา กลับห้องพักด้วยกัน ปล่อยให้เขาถอดเสื้อผ้าเธอออก เธอรู้สึกใจร้อนมากกว่าที่เคย เธอเลิกคิดเกี่ยวกับสามีคนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านอยู่กับลูกสาวเสียแล้ว

                เหตุผลที่ทำให้ซาร่าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ก็คงเหมือนกับผู้หญิงหลายคนในวัยเดียวกับเธอ เพราะพวกเธอทำงานนอกบ้าน “สมัยก่อน ผู้หญิงจะเลิกทำงานเมื่อแต่งงาน” เฮเลน ฟิชเชอร์ (Helen Fisher) นักมานุษยวิทยาแห่ง Rutgers University และเจ้าของหนังสือ Why Him? Why Her? กล่าว “ถ้าสามีเธอมีภรรยาน้อย เธอจะต้องหาหนทางอื่นหรือสูญเสียทุกอย่างที่ทำให้เธออยู่รอดได้ แต่ปัจจุบัน สาวๆ มีอำนาจทางเศรษฐกิจมากขึ้น และนั่นเองที่ทำให้พวกเธอมีเสรีภาพด้านเซ็กซ์มากขึ้น”
                เทคโนโลยีก็ส่งผลทำให้ผู้หญิงรู้สึกถึงอำนาจที่มากขึ้นเช่นกัน “แน่ชัดว่า เทคโนโลยีได้มีผลต่อการที่ผู้หญิงนอกใจมากขึ้น” ทาร่า พาร์คเกอร์-โป๊ป (Tara Parker-Pope) ผู้สื่อข่าวด้านวิทยาศาสตร์แห่ง New York Time และผู้เขียน For Better: The Science of a Good Marriage กล่าว “มันสร้างโอกาสใหม่ๆ มากขึ้น เมื่อคุณเปิดโอกาสใหม่ๆ คนเราก็อยู่ในจุดที่จะนอกใจได้มากที่สุด” เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็คุยกับกิ๊กในเฟซบุ๊กทั้งนั้น แถมในอเมริกานั้น ยังมีเว็บพวก AshelyMadison.com ที่ไว้บริการพวกคนแต่งงานที่อยากนอกใจอีกต่างหาก (ตายแล้ว!) ตอนนี้โอกาสในการนอกใจนั้นอยู่รอบตัวเรามาก แค่ปลายนิ้วคลิกจริงๆ







ความคาดหวังที่มากเกินไป

                แล้วมันมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่านะ? แน่นอนว่า ในการเลือกจะมีชู้ มันต้องมีอะไรมากกว่าฮอร์โมนเพศที่ส่งผลแน่ๆ ทั้งนี้ เราพบว่า แม้แต่ในผู้หญิงที่มียีนซึ่งโน้มเอียงให้มีชู้สูง ก็ยังเริ่มต้นคิดนอกใจเพราะมีปัญหากับคู่รัก ดังนั้นความไม่ลงรอยระหว่างคู่ครองจึงเป็นเหตุตั้งต้นสำคัญ แต่ว่า แล้วทำไมจำนวนของสาวอเมริกันที่มีปัญหากับคู่รักจึงได้เพิ่มขึ้นทุกวันล่ะ? อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังนะ

                แบรด วิลคอกซ์ (Brad Wilcox) ผู้อำนวยการของ National Marriage Project แห่ง University of Virginia อเมริกา ได้ให้คำตอบกับเราว่า สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือ พัฒนาการของสิ่งที่เราเรียกกันว่า “ความเชื่อเรื่องการได้แต่งงานกับเนื้อคู่” เพราะความเชื่ออย่างนี้ทำให้เราแต่ละคนแต่งงาน (หรือมีความสัมพันธ์) ด้วยความคาดหวังสูง ซึ่งท้ายสุดก็ไม่มีทางบรรจบกันได้ ในกรณีนี้ สเตฟานี คูนทซ์ (Stephanie Coontz) ผู้เขียน Marriage, A History ก็เห็นด้วยเช่นกัน “ทุกวันนี้ พวกเราคิดถึงการแต่งงานว่าแต่งไปแล้วทุกอย่างจะโรแมนติกสุขสม เราหวังว่าคู่รักของเราควรจะตอบสนองความต้องการทางกายและทางอารมณ์ของเราได้ทุกอย่าง แต่เมื่อมันไม่เกิดอย่างนั้นขึ้น  คนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่จึงเริ่มมองหาคนอื่น ความคิดเกี่ยวกับเนื้อคู่นั้นเป็นหลักคิดที่โรแมนติกมากเกินไป มันทำให้เราคาดหวังสูงกับคู่รัก เมื่อไม่ได้ดั่งหวัง ก็รู้สึกแย่กับคนรักของตัวเอง

                “งานวิจัยเผยว่า การนอกใจนั้นกำลังกลายเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับคู่รักที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง และฉันคิดว่า คนที่อยู่ด้วยกันนั้นก็เพื่อทดสอบว่าความสัมพันธ์จะไปรอดในระยะยาวไหม” วิลคอกซ์ กล่าว “คุณบอกตัวเองว่า ถ้านี่ไม่เวิร์ก ฉันจะมองหาคนใหม่ ความคิดแบบนั้นจะยังคงอยู่แม้คุณจะแต่งงานไปแล้วก็ตาม ซึ่งจะทำให้คนหนึ่งหรือทั้งคู่พร้อมละทิ้งความสัมพันธ์ทันทีเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น แทนที่คิดจะหาทางแก้ไขปัญหา”




จะมีชู้ดีไหมนะ

                ตอนอยู่ในลิฟท์ระหว่างจะไปห้องเบน ซาร่าก็แวบความคิดว่า ถ้าเธอปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ผลจะเป็นยังไง? เธอเริ่มอยากจะหยุดทุกอย่างทันทีก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้ แต่ทันใดนั้น มือเบนก็สัมผัสหลังเธอ และดึงให้เธอเอนตัวชิดเขามากขึ้น ค่อยๆ จูบเธออย่างอ่อนโยนก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับความหนักหน่วงขึ้น ซาร่าไม่อาจต้านทานได้เลย เพราะว่าเธออารมณ์กระเจิงไปแล้ว มากกว่าที่เคยรู้สึกกับสามีด้วย

                นั่นเป็นเพราะว่า เวลาที่คุณอยู่กับคู่ขาใหม่ สารสื่อนำประสาทที่แล่นพล่านทั่วร่างกายคุณ (ทั้งชายและหญิง) จะออกฤทธิ์มากกว่ายามที่คุณอยู่กับคู่รักที่อยู่กันมานานแล้ว ดร.เดวิด เจ. เลย์ (David J. Ley) นักจิตวิทยา และผู้เขียน Insatiable Wives: Women Who Stray and the Men Who Love Them กล่าว “ผลก็คือสารสื่อนำประสาทที่สูงขึ้น จะทำให้เรารู้สึกว่าการกอดรัดของชู้รักใหม่นั้นเร้าใจมากกว่าคู่สามีภรรยาของเรา” ดร.เลย์ เผย

                นอกจากนี้เขายังเสริมด้วยว่า ปัจจัยอื่นๆ  ที่ทำให้ซาร่าเผลอใจให้เบนนั้น เพราะว่า มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกายของเบน (ที่ผู้หญิงไม่ทันสังเกต) สำหรับผู้ชายนั้น ความคาดหวังถึงเซ็กซ์กับคู่ขาใหม่จะสร้างให้เกิดการตอบสนองทางร่างกายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับคู่ขาที่คุ้นเคยกันดี สารสื่อนำประสาทในน้ำอสุจิของพวกเขา (เทสโทสเตอโรนและโปรสตาแกลนดินจำนวนมาก) จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิม ผลิตน้ำอสุจิมากขึ้นและเพิ่มความสามารถที่จะมีเซ็กซ์ได้ยาวนานและกระฉับกระเฉงขึ้น แล้วซาร่ารู้เรื่องนี้ไหมน่ะเหรอ? ไม่หรอก เลย์กล่าว พร้อมเสริมว่า “แต่สารเคมีที่ร่างกายส่งถึงอย่างต้องตรงกัน จะทำให้พวกเราเลือกคู่ขาอีกคนโดยไม่รู้ตัว”

                ฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงแค่เป็นตัวจุดไฟแรงขับเซ็กซ์ให้ทั้งซาร่าและเบนเท่านั้น แต่ยังทำให้ซาร่ารู้สึกเซ็กซี่และต้านทานไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่อย่างที่เธอเคยเป็นเวลาอยู่บ้านเข้าครัวทำกับข้าวให้กับลูกสาว หรือจู้จี้ให้สามีตัดหญ้าในสนามแต่อย่างใด “สำหรับผู้หญิงหลายคนนั้น เมื่อพวกเธออยู่ในสถานการณ์ที่เป็นที่ปรารถนา มันจะตรงข้ามกับความรู้สึกที่พวกเธอเคยรู้สึกกับตัวเองอย่างแท้จริง และพวกเธอจะรู้สึกมีเสน่ห์มากๆ” เลย์กล่าว




แรงขับที่ทำให้เป็นที่ต้องการ

                ผู้หญิงบางคนได้บอกกับเราว่า ถึงเธอไม่เลือกที่จะกระโจนขึ้นเตียงกับชายคนอื่น แม้อีกฝ่ายจะยั่วยวนเธออย่างหนัก ก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกดีที่มีชายอื่นชื่นชม ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการทำให้พวกเธอเห็นถึงคุณค่าของตัวเอง เลย์เผย ผู้หญิงส่วนมากรู้สึกดีเวลามีคนแสดงออกว่าต้องการพวกเธอ นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนแสวงหามาตลอด ดูกรณีซาร่าเป็นตัวอย่างก็ได้ เบนแสดงออกอย่างเหลือล้นว่า เขาต้องการเธอ ซึ่งทำให้ซาร่าพึงพอใจมาก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวหรอก เพราะอันที่จริงแล้ว แรงผลักที่ทำให้ซาร่าอยากมีชู้ก็คือ เธอกำลังมีปัญหากับสามีต่างหาก

                หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้สาวๆ อเมริกันหันมานอกใจ (รวมถึงซาร่าด้วย) ก็คือ การที่เธอเชื่อว่าชีวิตแต่งงานมีปัญหาและมาถึงทางตันแล้ว “คนอเมริกัน 50 เปอร์เซ็นต์ล้วนหย่าร้าง ฉันคิดว่าโชคชะตาลิขิตให้ฉันอยู่ในครึ่งที่หย่าร้างนั้น” ซาร่ากล่าว (และก็เป็นจริง หลังจากเหตุการณ์ที่เจอเบนที่โรงแรมคราวนั้นผ่านมา 1 ปี ซาร่าก็ตัดสินใจหย่าขาดจากสามี) แต่ พาร์คเกอร์-โป๊ป คิดว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการนอกใจในปัจจุบัน เพราะการเน้นย้ำข้อมูลที่ว่า “อัตราหย่าร้างสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์” ถูกพูดถึงบ่อยเกินไป

                พาร์คเกอร์-โป๊ป กล่าวว่า เธอเคยมีความคิดแบบเดียวกับซาร่าในตอนที่เธอกำลังจัดการชีวิตแต่งงานอันง่อนแง่น “ทำไมฉันต้องหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครึ่งที่ไม่ได้หย่าร้างด้วยล่ะ?” เธอจำได้ว่าเคยสงสัยอย่างนี้ แต่หลังจากศึกษางานวิจัย (โชคร้ายที่เธอได้อ่านงานวิจัยหลังจากหย่าร้างแล้ว) พาร์คเกอร์-โป๊ป พบว่า ในจำนวนผู้คนที่แต่งงานในยุค 90 มีเพียง 22 เปอร์เซ็นต์ที่หย่าร้างภายใน 10 ปีแรกของการแต่งงาน แต่จำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ของการหย่าร้างในปัจจุบันทำให้เธอรู้สึกอย่างกับว่า การหย่าร้างนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้

                “ฉันหวังว่าจะมีใครสักคนบอกฉันก่อนหน้านี้ว่า มันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะหย่า และมันเป็นเรื่องปกติมากกว่าที่จะหาทางทำให้การแต่งงานนั้นราบรื่น” พาร์คเกอร์-โป๊ป กล่าว ในตอนนั้นเธอถูกสถิติโน้มน้าวว่า การนอกใจไม่ใช่เรื่องผิด ตัวเลขสถิติที่สื่อชอบเน้นย้ำนี่แหละ ที่คอยผลักดันให้คนอเมริกันมีชู้

                นี่เป็นจริงสำหรับเวนดี้ ศาสตราจารย์แห่งเมืองนิวยอร์ก ที่นอกใจไปกับแฟนเก่า เธอยอมรับว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอนอกใจก็เพราะว่าเธอรู้สึกว่าทุกคนก็ทำ และเธอไม่อยากเป็นคนเดียวที่ไม่ได้นอกใจในความสัมพันธ์ “ในบางจุด ฉันรู้สึกว่าฉันไม่อยากพลาดในสิ่งที่คนอื่นกำลังทำหรือเจออยู่ ฉันคิดว่า ตายแล้ว ถ้าคนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับการลองอะไรหลายๆ อย่าง ฉันก็ควรลองด้วย เธอกล่าว

                มันเป็นจริงที่มีการเข้าใจผิดๆ ว่าการนอกใจนั้นเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้สังคมอเมริกัน (อาจรวมไทย)เชื่อว่าการซื่อสัตย์นั้นล้าสมัยไปแล้ว พวกเราเริ่ม (เกือบจะ) ชินชากับการคบชู้ แต่มันจำเป็นที่จะต้องรู้ว่า แรงขับทางชีวภาพไม่ได้กำหนดชะตาคุณไว้เสียหน่อย “แค่เพียงเพราะเราอาจถูกจูงใจให้มีชู้ ไม่ได้หมายความว่า เราจะเลือกที่จะอยู่กับความสัมพันธ์กับคู่รักคนเดียวอย่างแฮปปี้ไม่ได้เสียหน่อย” เลย์ กล่าว “คุณเลือกที่จะนอกใจหรือซื่อสัตย์ก็ได้ และการที่ได้รู้ว่า แรงขับทางชีวภาพทำให้เราสนใจคนอื่น ก็จะทำให้เราพยายามต่อต้านสิ่งล่อใจเหล่านั้น”

                “การที่เราเพ่งมองแต่กลุ่มคนที่นอกใจ ทำให้มุมมองของเราโน้มเอียงไม่เที่ยงตรง” พาร์คเกอร์-โป๊ป เปิดเผย “แม้ว่า จะมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนหญิงสาวที่นอกใจ แต่ส่วนใหญ่ของชายและหญิงไม่นอกใจ แต่นี่กลับไม่ได้รับการพูดถึงหรือให้ความสำคัญ การนอกใจไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียหน่อยนะคะ” เธอยืนยันปิดท้าย





________________________________________________________


วัดระดับการนอกใจ


ไม่อยากก้าวเดินบนหนทางนอกใจ อ่านคำแนะนำข้างล่างนี้ รับรองว่าเวิร์ก เพราะทุกข้อล้วนมาจากข้อมูลจริงที่เรารับมือกับคนมีเสน่ห์จัดๆ มาแล้ว


ต้องมีแผนสำรองไว้เสมอ : หาหนทางว่าคุณจะรับมือกับสิ่งยั่วใจอย่างไรก่อนที่คุณต้องเผชิญมันจริงๆ ข้อนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชาย ทั้งนี้ผลการศึกษาของ McGill University เมืองมอลทรีอัล แคนาดา ชี้ว่า เมื่อผู้ชายเดินเข้าไปในห้องที่แขวนรูปสาวสวยไว้ โดยกระจายรูปเล็กรูปน้อยไว้มุมหนึ่งของห้อง (มีเพียงแค่จิตใต้สำนึกเท่านั้นที่จะรับรู้ได้) ผู้ชายที่เตรียมแผนมาก่อนเดินเข้าห้องว่า เขาจะรับมือกับสาวสวยอย่างไร จะไม่เดินไปยังมุมนั้นของห้อง ขณะที่ชายหนุ่มที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ จะถูกดึงดูดให้เดินไปยังมุมนั้นทันที


เลือกเพื่อนให้ดี : “มีคนในวัยหนุ่มสาวจำนวนมากที่เลือกคบหาและสังสรรกับเพื่อนต่างเพศ” แบรด วิลคอกซ์ (Brad Wilcox) ผู้อำนวยการของ National Marriage Project กล่าว “แต่ถ้าคุณคิดจะปรึกษาและให้เพื่อนต่างเพศปลอบใจเวลาที่คุณมีปัญหากับคู่รักล่ะก็ ขอแนะนำว่านั่นอาจไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่านัก เหตุผลก็รู้ๆ กันอยู่” นอกจากนี้ หากคุณรู้สึกแปลกๆ กับเพื่อนต่างเพศที่คบหากันอยู่ ให้คิดเสียว่า อาการใจเต้นแรงที่เป็นอยู่นั้น เป็นผลมาจากฮอร์โมนที่ไปสั่งการสมองอีกที และคุณไม่จำเป็นต้องปล่อยให้ฮอร์โมนกำหนดชะตากรรมของชีวิตเสียหน่อยนี่คะ


มองคนอื่นได้ ไม่ผิดหรอก : ถ้าชอบเผลอมองคนอื่น ก็ยอมรับซะ การชอบมองคนมีเสน่ห์นั้นไม่ผิดหรอก อย่าถึงขึ้นต่อต้านพฤติกรรมนี้ไปเลย มันก็เหมือนกับการพยายามอดอาหารนั่นแหละค่ะ คิดดูสิ เวลาที่คุณคิดจะเลิกของหวาน คุณจะเริ่มคิดถึงมันทันที นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ถ้ารู้สึกดีกับใคร ก็จงยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หลังจากนั้นให้คิดถึงเรื่องดีๆ เกี่ยวกับคนรักที่มักทำให้คุณยิ้มได้ แต่อย่าคิดถึงหนุ่มมีเสน่ห์ที่คุณเผลอมองในแง่เย้ายวน เพราะมันอาจไปเพิ่มแรงขับทางเพศของคุณได้ (เดี๋ยวเป็นเรื่อง)


สมานฉันท์กับเรื่องบนเตียง : นักวิจัยจาก Georgia State University อเมริกา พบว่า ถ้าคู่รักคนหนึ่งอยากจู๋จี๋ แต่อีกคนปฏิเสธ ปัญหาความสัมพันธ์อาจตึงเครียด รวมถึงอาจนำไปสู่การนอกใจได้ ดังนั้นหมั่นเติมความหวานฉ่ำให้กับชีวิตบนเตียง และถึงจะไม่มีอารมณ์นัก ก็พยายามอย่าปฏิเสธอีกฝ่าย นอกจากนี้ หากคุณทั้งสองมีปัญหาเรื่องเซ็กซ์ที่แก้อย่างไรก็ไม่หาย ให้ปรึกษาคุณหมอหรือที่ปรึกษาครอบครัว เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้ชีวิตรักอับปางอย่างไรเล่าคะ




40 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงอเมริกันที่ยอมรับว่านอกใจ บอกว่าพวกเธออยากรับความใส่ใจมากกว่านี้






_____________________________________________



นอกใจกับใคร และอย่างไร?





40 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่นอกใจ บอกว่าพวกเขาเผลอไผลไปกับเพื่อนนี่แหละ
35 เปอร์เซ็นต์ นอกใจไปกับเพื่อนร่วมงาน
23 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ชาย นอกใจไปกับสาวที่เขาพบในที่เที่ยว
22 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิง นอกใจไปกับแฟนเก่า
ที่มา : ผลสำรวจในคนอเมริกัน 70,000 คน ที่จัดทำโดย MSNBC และ iVillage











ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีชู้เป็นพิเศษในบางวันหรือเปล่า? 

เป็นไปได้นะ เพราะว่ามีผลวิจัยจากคลับเต้นรูดเสาทั่วอเมริกา พบว่าสาวนักเต้นรูดเสาที่มีไข่ตกวันนั้นพอดี มักจะดึงดูดและทำให้ชายหนุ่มปรารถนาในตัวเธอได้มากกว่าสาวอื่น ซึ่งนี่อาจนำไปสู่การนอกใจได้ง่ายขึ้น


335 ดอลลาร์อเมริกา คือเงินที่สาวนักเต้นรูดเสาทำได้ภายใน 5 ชั่วโมง ในวันที่พวกเธอไข่ตก
260 ดอลลาร์อเมริกา คือเงินที่สาวนักเต้นรูดเสาทำได้ภายใน 5 ชั่วโมง ในวันปกติ
185 ดอลลาร์อเมริกา คือเงินที่สาวนักเต้นรูดเสาทำได้ภายใน 5 ชั่วโมง ในวันที่เธอมีประจำเดือน (อันเป็นช่วงเวลาที่สาวๆ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยสุด)
ที่มา : The University of New Mexico