Tuesday, August 07, 2012

[งานแปล] จุดพลังสร้างสรรค์ในตัวคุณ



[งานแปล]





Women's Health Thailand
Issue: July 2011 
เรื่อง Kate Ashford   /  แปลและเรียบเรียง Tiktok








จุดพลังสร้างสรรค์ในตัวคุณ


ไอเดียเก๋ๆ และทักษะการแก้ปัญหาแบบครีเอทๆ มีอยู่ในตัวคุณอยู่แล้ว แต่บางครั้ง คุณอาจมองไม่เห็น Womens’ Health ชักชวนคุณมาค้นหาและพัฒนาทักษะสร้างสรรค์กัน


นอกจากอยากหุ่นดี ผิวพรรณสดใส สมองไบร์ทๆ แล้ว ดูเหมือนความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หญิงสาวหลายคนปรารถนา แหม ใครจะไม่อยากเป็นสาวไอเดียเก๋กันล่ะ? แต่สาวบางคนก็บอกว่า “ยากเหลือเกิน ไอ้การจะคิดอะไรเก๋ๆ ได้นี่” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สาวอเมริกันที่กำลังขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์สุดๆ ในตอนนี้ “เราอยู่ในยุคที่กำลังขาดแคลนไอเดียใหม่ๆ ” ดร.คิมคยองฮี (Kim Kyung Hee) ศาสตราจารย์ผู้ช่วย คณะจิตวิทยาการศึกษา College of William & Mary เปิดเผยข้อมูล พร้อมกล่าวว่า ในช่วง 20 ปีมานี้ ความคิดสร้างสรรค์ในคนอเมริกันตกต่ำลงเรื่อยๆ ต้นเหตุเกิดจากการจมอยู่กับเทคโนโลยี, การส่งอีเมล์, และการแชท (ทั้ง BB และ WhatsApp) มากเกินไป จนไม่ปล่อยให้สมองมีเวลาพัก ซึ่งปกติแล้วไอเดียใหม่ๆ มักจะเกิดตอนสมองว่าง ข้างฝั่ง ดร.เร็กซ์ จอง (Rex Jung) แพทย์ด้านประสาทวิทยา แห่ง University of New Mexico ได้เสริมว่า สาเหตุอีกอย่างน่าจะเกิดจาก การที่คนอเมริกันสมัยใหม่มี “ความกลัวและความระมัดระวังตัวมากขึ้น” จึงทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดิ่งเหว “ความกลัวทำให้หลายคนไม่กล้าเสี่ยงหรือคิดนอกกรอบ ความพร้อมในการรับฟังเสียงวิจารณ์นั้น ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของกระบวนการสร้างสรรค์” ดร.จอง บอก

ถ้าเป็นอย่างนี้ หมายถึงเราจะเป็นสาวคิดเก๋ไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? อย่าเพิ่งวิตกกันไปค่ะ เพราะผู้เชี่ยวชาญได้บอกว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นไม่ใช่พรสวรรค์เฉพาะบุคคล เราทุกคนต่างมี “ศักยภาพ” ที่จะสร้างสรรค์ไอเดียแจ่มๆ ได้ทั้งนั้น ความท้าทายอยู่ที่ว่า เราจะทำอย่างไรนั่นต่างหาก


รื้อสร้างความสร้างสรรค์

                เหตุผลที่ทำไมเราหลายคนแสนขาดไร้ความคิดสร้างสรรค์ นั่นก็เพราะเรายังไม่เข้าใจว่า “ความคิดสร้างสรรค์” คืออะไรนั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญกล่าว เมื่อคุณคิดถึงมนุษย์จำพวก “แสนครีเอท” คุณอาจกำลังคิดภาพพวกศิลปินผู้กำลังละเลงสีใส่ผืนผ้าใบ หรือพวกแฟชั่นดีไซเนอร์ที่กำลังออกแบบชุดแบบจัดเต็มให้เลดี้กาก้าอยู่ โอเค...คุณคิดถูกแล้วล่ะ แต่ว่า นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของมนุษย์จอมสร้างสรรค์เท่านั้น

                โดยพื้นฐานแล้ว ความคิดสร้างสรรค์คือการแก้ปัญหา แสดงให้เห็นความฉลาดโดยการมองสิ่งต่างๆ ในแง่มุมใหม่ “สิ่งที่เราเรียกว่า สร้างสรรค์นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ประโยชน์ได้ด้วย” ดร.เชลลีย์ คาร์สัน (Shelley Carson) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ที่ Harvard และผู้เขียน Your Creativity Brain: Seven Steps to Maximize Imagination, Productivity, and Innovation in Your Life แจกแจงให้ฟัง

                 โปรแกรมเมอร์ที่ผลิตแอพพลิเคชั่นให้ไอโฟน หรือเจ้าของร้านอาหารที่ขยายกิจการได้หลายสาขา, นักวิทยาศาสตร์ที่พัฒนายาคุมกำเนิดใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม เหล่านี้นับเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น แต่ความคิดเล็กๆ ก็นับว่ามีความคิดสร้างสรรค์ได้เหมือนกันนะ ไม่ว่าคุณกำลังคิดว่า จะตกแต่งห้องใหม่ให้สวยแข่งกับมาร์ธา สจ๊วต, คิดหาทางทำให้เซ็กซ์บนเตียงสดชื่น, หรือหาทางออมเงินให้ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกเดือนละ 1,000 บาท ขอบอกว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวกับการใช้จินตนาการทั้งนั้น

                อย่างไรก็ตาม ยีนก็เกี่ยวข้องกับเรื่องความสร้างสรรค์ด้วย ดร. คาร์สัน ยอมรับ “คนบางกลุ่มมีความสามารถที่จะคิดอะไรสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ” เธอกล่าว “แต่มันเป็นทักษะที่เรียนรู้และฝึกฝนได้เช่นกัน” ลองคิดในมุมนี้ดูสิคะ “ผู้หญิงสูง ไหล่และปีกกว้าง อาจมีข้อได้เปรียบในการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้หญิงที่ตัวเล็ก หุ่นแข็งทื่อ จะไม่สามารถฝึกฝนและกลายเป็นคู่แข่งในการว่ายน้ำได้เสียหน่อย” ดร.คิม เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น


อย่าลืมใช้สมองอีกซีก

                นักวิทยาศาสตรมักจะคิดว่า ความคิดสร้างสรรค์ เกิดขึ้นในสมองซีกขวา ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการภาพรวม การเคลื่อนไหว และมิติสัมพันธ์แบบต่างๆ แต่ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่า ในกระบวนการที่ความคิดสร้างสรรค์จะสำเร็จลุล่วงได้นั้น สมองซีกซ้ายที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคิดเป็นเหตุเป็นผล ถือว่ามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน “เราแต่ละคนอาจถนัดในการใช้สมองแต่ละซีกต่างกัน บางคนเก่งด้านจินตนาการ บางคนเด่นด้านตรรกกะ แต่เราต้องใช้สมองทั้งสองส่วนในการทำงาน เพราะว่าแต่ละส่วนต่างช่วยให้กระบวนการสร้างสรรค์ดำเนินไป” ดร.โอชิน วาร์ทาเนียน (Oshin Vartanian) นักประสาทวิทยาด้านการคิด แห่ง University of Toronto ชี้แจง จริงอยู่คุณอาจเป็นตัวแม่ด้านการช่างฝันและสรรหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ แต่ตราบใดที่คุณไม่ได้ปล่อยให้สมองซีกซ้ายใช้ตรรกกะเหตุผลและจัดการทุกอย่างออกมาให้เป็นการกระทำที่จับต้องได้ มันก็นับเป็นจินตนาการที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี

                ถ้าอยากฝึกสมองให้สามารถคิดไอเดียดีๆ ออก คุณอาจต้องฝึกฝนสมองส่วนเนื้อเทาเพิ่ม (เนื้อสมองส่วนนอก ทำหน้าที่ประมวลผล) “คุณสามารถฝึกสมองเพื่อให้สมองสองซีกทำงานประสานกันได้” ดร.คาร์สัน เผย แนะนำให้ลองใช้ทิปข้างล่างนี้ในการฝึกฝนดู รับรองสมองคุณจะโลดแล่นและเต็มไปด้วยความคิดแจ่มๆ









_________________________________________________

บริหารความสร้างสรรค์

เค้นพลังสร้างสรรค์ให้เก๋สุดๆ ด้วยทิปง่ายๆ 4 ข้อนี้

ขยายขอบข่ายความรู้ของคุณ

ถ้าอยากเก่งอะไร ให้เรียนรู้สิ่งนั้นให้มากที่สุด “คนจะเป็นศิลปินนั้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ คุณต้องรู้เรื่องสี เรื่องจังหวะการลงแปรงบนผ้าใบ หรืออื่นๆ อีกมาก” ดร.เร็กซ์ จอง กล่าว ทั้งนี้มีหลักฐานด้านชีววิทยาสนับสนุนด้วยว่า เมื่อเรามีไอเดียสร้างสรรค์ สมองส่วนคอร์เท็กซ์ด้านหน้า (ส่วนที่เก็บความทรงจำ) จะเริ่มทำงาน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการที่เราจะมีไอเดียอะไรต่างๆ ได้นั้น เราต้องมีข้อมูลอยู่ในหัวมาก่อน “ยิ่งคุณพยายามเรียนรู้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีคลังข้อมูลที่จะงัดออกมาเวลาต้องการไอเดียแจ่มๆ ได้เสมอ” ดร.จอง สรุป


สร้างปัญหาให้กับตัวเอง

ท้าทายสมองประลองปัญญาด้วยการลองคิดเล่นๆ ว่า “จะเป็นยังไงนะ ถ้า...” คุณอาจจะลองถามตัวเองว่า “จะเป็นยังไงนะ ถ้าฉันต้องจัดงานเลี้ยงรับรอง แล้วแขกทุกคนล้วนเป็นมังสาวิรัต?” หรือ “จะเป็นยังไงนะ ถ้าฉันจำเป็นต้องแต่งตัวเริ่ดหรูไปงาน แต่ดันไม่มีเวลาแม้จะไปร้านทำผม?” “การคิดถึงปัญหา และลองหาทางออก คุณจะได้ฝึกสมอง” ดร.มาร์ก รันโก้ (Mark Runco) นักวิจัยด้านความคิดสร้างสรรค์ แห่ง University of Georgia เผย


กระตุ้นด้วยเพลงบรรเลง

การปลีกวิเวกจะทำให้เราคิดใคร่ครวญได้ดีขึ้น ดร.จอง แนะ แต่ถ้าปลีกตัวออกจากออฟฟิศไม่ได้ ลองหันมาฟังเพลงดูสิคะ แต่ต้องเป็นเพลงที่ไม่ใช่แนวอิเล็กโทรนิกนะ “ผลศึกษาพบว่า การฟังเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเพลงบรรเลง จะช่วยทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์”


เล่นปริศนาอักษรไขว้กันเถอะ

“การเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ทำให้คุณได้ใช้สมองทั้งสองข้าง” ดร.เชลลีย์ คาร์สัน กล่าว ลองตั้งเวลาไว้ 3 นาที จากนั้นจดชื่อของประเทศต่างๆ ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะตัวเดียวกันให้ได้มากที่สุด เสร็จแล้วก็ลองเปลี่ยนหมวดหมู่คำดู อาจท้าทายตัวเองด้วยการคิดชื่อหนังออสการ์ที่ขึ้นต้นด้วยตัวเดียวกัน (หรือพระเอกคนเดียวกันเล่น) ตั้งเวลาไว้อย่างนี้ ได้ฝึกสมองประลองปัญญาดีนักล่ะ






21 เปอร์เซ็นต์
คือจำนวนของมนุษย์ออฟฟิศชาวอเมริกัน ที่บอกว่ายินดีจะเปลี่ยนงานไปทำอะไรที่ครีเอทีฟมากกว่านี้ แม้จะได้รับเงินน้อยกว่าก็ตาม
ที่มา Fairfax CountyVirginia, Economic Development Authority

No comments: